การติดตั้ง Documentize ผ่าน NuGet

วิธีการติดตั้งผ่านคอนโซลจัดการแพ็คเกจ NuGet

1. เปิดโปรเจกต์ของคุณ:

   • เปิด Visual Studio และเปิดแอปพลิเคชัน .NET ของคุณ

2. เข้าถึงคอนโซลจัดการแพ็คเกจ:

   • ไปที่ เครื่องมือ > จัดการแพ็คเกจ NuGet > คอนโซลจัดการแพ็คเกจ

3. ติดตั้งแพ็คเกจ:

   • เพื่อทำการติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดแบบเต็ม ให้ป้อนคำสั่ง Install-Package Documentize.
   • เพื่อทำการติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดที่รวมการแก้ไขด่วน ให้ใช้ Install-Package Documentize -prerelease.
   • กด Enter เพื่อดำเนินการคำสั่ง

วิธีการอัปเดตแพ็คเกจผ่านคอนโซลจัดการแพ็คเกจ NuGet

หากคุณได้ติดตั้ง Documentize ผ่าน NuGet แล้วต้องการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด:

1. เปิดโปรเจกต์ของคุณ:

   • เปิด Visual Studio และเปิดแอปพลิเคชัน .NET ของคุณ

2. เข้าถึงคอนโซลจัดการแพ็คเกจ:

   • ไปที่ เครื่องมือ > จัดการแพ็คเกจ NuGet > คอนโซลจัดการแพ็คเกจ

3. อัปเดตแพ็คเกจ:

   • เพื่ออัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดแบบเต็ม ให้ป้อน Update-Package Documentize.
   • เพื่ออัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่รวมการแก้ไขด่วน ให้ใช้ Update-Package Documentize -prerelease.
   • กด Enter เพื่อดำเนินการคำสั่ง

วิธีการติดตั้งผ่าน GUI ของ NuGet Package Manager

1. เปิดโปรเจกต์ของคุณ:

   • เปิด Visual Studio และเปิดแอปพลิเคชัน .NET ของคุณ

2. ไปที่จัดการแพ็คเกจ NuGet:

   • จากเมนู โปรเจกต์ ให้เลือก จัดการแพ็คเกจ NuGet

3. ค้นหา Documentize:

   • ไปที่แท็บ ค้นหา และป้อน Documentize ในช่องค้นหา

4. ติดตั้งแพ็คเกจ:

   • คลิก ติดตั้ง/อัปเดต ข้างเวอร์ชันล่าสุดของ Documentize.
   • ยืนยันโดยการคลิก ตกลง ในหน้าต่างป๊อปอัป

ข้อดีของการใช้ NuGet

• การจัดการการพึ่งพาโดยอัตโนมัติ:

  • NuGet จัดการการพึ่งพาโดยอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าห้องสมุดที่จำเป็นทั้งหมดจะถูกเพิ่มและอัปเดตอย่างถูกต้อง นี้ช่วยลดความเสี่ยงของการหายไปหรือการพึ่งพาที่ไม่เข้ากัน

• การอัปเดตที่ง่ายขึ้น:

  • การอัปเดตแพ็คเกจนั้นง่ายดายด้วย NuGet ไม่ว่าจะผ่านคอนโซลจัดการแพ็คเกจหรือ GUI ซึ่งทำให้การอัปเดตห้องสมุดให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อให้มีคุณสมบัติและการแก้ไขข้อบกพร่องใหม่ ๆ เป็นเรื่องง่าย

• การรวมเข้ากับ Visual Studio:

  • NuGet รวมเข้ากับ Visual Studio อย่างราบรื่น ให้ส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ใช้งานง่ายสำหรับการจัดการแพ็คเกจโดยไม่ต้องออกจากสภาพแวดล้อมการพัฒนา

• การจัดการเวอร์ชัน:

  • NuGet อนุญาตให้คุณกำหนดและจัดการเวอร์ชันต่าง ๆ ของห้องสมุด ช่วยให้คุณสามารถย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างง่ายดายหรือทดสอบการเผยแพร่ใหม่โดยไม่ขัดจังหวะการพัฒนา

ข้อเสียของการใช้ NuGet

• จำกัดเฉพาะ Visual Studio:

  • NuGet ถูกออกแบบมาเป็นหลักเพื่อใช้งานภายใน Visual Studio แม้ว่าจะสามารถใช้ในสภาพแวดล้อมอื่นได้แต่การรวมเข้าใช้งานจะเป็นที่แข็งแกร่งที่สุดใน Visual Studio

• ความเสี่ยงของการขัดแย้งของเวอร์ชัน:

  • ในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่มีการพึ่งพาหลายตัว การจัดการเวอร์ชันและการแก้ไขความขัดแย้งอาจกลายเป็นเรื่องซับซ้อน NuGet มีเครื่องมือในการจัดการเรื่องนี้ แต่ต้องใส่ใจอย่างรอบคอบ

• การพึ่งพาเครือข่าย:

  • การติดตั้งและการอัปเดตแพ็คเกจต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากคุณกำลังทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัดหรือไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต คุณอาจต้องใช้วิธีการออฟไลน์หรือดาวน์โหลดแพ็คเกจล่วงหน้า

• ความซับซ้อนสำหรับโปรเจกต์ขนาดใหญ่:

  • สำหรับโปรเจกต์ที่มีขนาดใหญ่มากและมีต้นไม้การพึ่งพาที่กว้างขวาง การจัดการแพ็คเกจผ่าน NuGet อาจกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ในกรณีเช่นนี้อาจต้องใช้เครื่องมือหรือกลยุทธ์เพิ่มเติมในการจัดการการพึ่งพาอย่างมีประสิทธิภาพ

การติดตั้ง Documentize ผ่าน MSI

วิธีการติดตั้งผ่าน MSI Installer

1. ดาวน์โหลด MSI Installer:

   • คลิกที่ v24.12 MSI เพื่อดาวน์โหลด MSI installer สำหรับเวอร์ชันล่าสุดของ Documentize

2. รันโปรแกรมติดตั้ง:

   • ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ MSI ที่ดาวน์โหลดมาเพื่อตั้งค่าโปรแกรมติดตั้ง

3. ทำตามโปรแกรมติดตั้ง:

   • ทำตามคำแนะนำที่ปรากฏบนหน้าจอที่โปรแกรมติดตั้งให้ไว้ คุณอาจต้องยอมรับข้อตกลงการใช้งานและเลือกตัวเลือกการติดตั้ง

4. เสร็จสิ้นการติดตั้ง:

   • เมื่อติดตั้งเสร็จสิ้น DLLs ของ Documentize จะถูกติดตั้งลงใน Global Assembly Cache (GAC) ของระบบของคุณหรือในตำแหน่งที่กำหนดอื่น

5. ตรวจสอบการติดตั้ง:

   • ตรวจสอบว่า DLLs ถูกติดตั้งอย่างถูกต้องโดยการตรวจสอบการมีอยู่ในไดเรกทอรีการติดตั้งที่กำหนดหรือลงใน GAC

ข้อดีของการใช้ MSI Installer

• ใช้งานง่าย:

  • MSI installer ให้กระบวนการติดตั้งที่เรียบง่ายและมีการแนะนำ มันจัดการการกำหนดค่าที่จำเป็นทั้งหมดและวาง DLLs ในที่กลาง ทำให้ใช้งาน Documentize ได้ง่ายในหลายโปรเจ็กต์

• การติดตั้งทั่วทั้งระบบ:

  • วิธี MSI จะติดตั้ง Documentize ลงใน Global Assembly Cache (GAC) ของระบบหรือในที่กลางอื่น สิ่งนี้ทำให้แอปพลิเคชันใดๆ ในระบบสามารถเข้าถึง DLLs ได้โดยไม่ต้องอ้างอิงทีละโปรเจ็กต์

• การอัปเดตอัตโนมัติ:

  • หาก Documentize มีโปรแกรมติดตั้งที่อัปเดต คุณสามารถอัปเดตการติดตั้งของคุณได้อย่างง่ายดายโดยการรันไฟล์ MSI ใหม่ ซึ่งโดยปกติจะจัดการกระบวนการอัปเดตได้อย่างราบรื่น

• ความสอดคล้อง:

  • การใช้ MSI installer จะทำให้มั่นใจว่าทุกรายการที่ต้องการจะได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องและสอดคล้องกันในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ลดความเสี่ยงในการขาดหายหรือที่ตั้งผิดของ DLLs

ข้อเสียของการใช้ MSI Installer

• ความยืดหยุ่นที่จำกัด:

  • MSI installer จะติดตั้ง Documentize ในตำแหน่งที่อยู่ทั่วทั้งระบบ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมสำหรับสภาพแวดล้อมการพัฒนาทุกประเภท มันอาจขาดความยืดหยุ่นในการรองรับการกำหนดค่าหรือเวอร์ชันที่เฉพาะเจาะจงของโปรเจ็กต์

• ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น:

  • การติดตั้ง DLLs ลงใน GAC อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและความซับซ้อน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่หลายเวอร์ชันของ Documentize อาจต้องการในเวลาเดียวกัน

• การลบแบบแมนนวล:

  • หากคุณต้องการถอนการติดตั้ง Documentize คุณต้องใช้โปรแกรมถอนการติดตั้งที่มาพร้อมกับ MSI ซึ่งอาจทิ้งไฟล์หรือการกำหนดค่าที่เหลืออยู่หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม

• ข้อขัดแย้งของเวอร์ชัน:

  • การติดตั้งทั่วทั้งระบบอาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งของเวอร์ชันหากโปรเจ็กต์ต่างๆ ต้องการเวอร์ชันที่แตกต่างกันของ Documentize การจัดการกับข้อขัดแย้งเหล่านี้อาจต้องการการกำหนดค่าหรือการทำความสะอาดเพิ่มเติม

การติดตั้ง Documentize ผ่าน ZIP

วิธีการติดตั้งผ่าน ZIP Archive

1. ดาวน์โหลด ZIP Archive:

   • คลิกที่ v24.12 ZIP เพื่อดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดของ Documentize ในรูปแบบ archive

2. แตกไฟล์เนื้อหา:

   • หลังจากดาวน์โหลดแล้ว ให้ออกไฟล์เนื้อหาจาก ZIP file ไปยังไดเร็กทอรีที่คุณเลือก คุณสามารถเลือกเก็บไฟล์เหล่านี้ในไดเร็กทอรีที่แชร์ร่วมกันหรือภายในโครงสร้างโปรเจกต์ของคุณ

3. เพิ่มการอ้างอิงในโปรเจกต์ของคุณ:

   • เปิดโปรเจกต์ของคุณใน IDE (เช่น Visual Studio)
   • ไปที่ Project > Add Reference > Browse และค้นหาไดเร็กทอรีที่คุณได้แตกไฟล์ DLL
   • เลือกไฟล์ DLL ที่เกี่ยวข้องและเพิ่มเป็นการอ้างอิงในโปรเจกต์ของคุณ

4. อัปเดตแบบแมนวล:

   • หากมีเวอร์ชันใหม่ของ Documentize ที่ปล่อยออกมา คุณจะต้องดาวน์โหลด ZIP archive ที่อัปเดตใหม่และแทนที่ไฟล์ DLL เก่าที่อยู่ในโปรเจกต์ของคุณด้วยไฟล์ใหม่

ข้อดีของการใช้ ZIP Archive

• ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์:

  • คุณมีการควบคุมทั้งหมดเกี่ยวกับที่ตั้งและวิธีการเก็บและอ้างอิง DLL ในโปรเจกต์ของคุณ นี่อาจเป็นประโยชน์หากคุณชอบการตั้งค่าที่กำหนดเองหรือจำเป็นต้องบริหารจัดการการพึ่งพาแบบแมนวล

• ไม่ต้องพึ่งพา Package Managers:

  • แตกต่างจาก NuGet คุณไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมจัดการแพ็กเกจในการจัดการการติดตั้ง นี่อาจเป็นข้อดีในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีหรือไม่ต้องการโปรแกรมจัดการแพ็กเกจ

• ความสามารถพกพา:

  • ZIP archive สามารถแชร์และย้ายได้ง่ายระหว่างระบบต่างๆ ทำให้เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความสามารถในการพกพาหรือแจกจ่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือภายนอก

ข้อเสียของการใช้ ZIP Archive

• การจัดการแบบแมนวล:

  • แตกต่างจาก NuGet ซึ่งการอัปเดตและการจัดการการพึ่งพานั้นเป็นแบบอัตโนมัติ ในกรณีของ ZIP archive คุณจะต้องจัดการการอัปเดตด้วยตนเองและตรวจสอบให้แน่ใจว่า DLL ที่จำเป็นทั้งหมดถูกอ้างอิงอย่างถูกต้อง

• ความเสี่ยงของการชนกันของเวอร์ชัน:

  • หากคุณจัดการโปรเจกต์หลายโปรเจกต์หรือทำงานในทีม มีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งของเวอร์ชันหากโปรเจกต์ต่างๆ ใช้เวอร์ชันที่ต่างกันของ DLL นี่ต้องการการติดตามเวอร์ชันอย่างระมัดระวังทั่วทั้งโปรเจกต์

• ไม่มีการอัปเดตอัตโนมัติ:

  • คุณจะไม่ได้รับการอัปเดตหรือการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีเวอร์ชันใหม่วางจำหน่าย นี่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการใช้ไลบรารีที่ล้าสมัย เว้นแต่คุณจะตรวจสอบการอัปเดตเป็นประจำ

สภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ Windows

การทำงานกับไฟล์ .NET Core DLL ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ Windows

เนื่องจาก Documentize สำหรับ .NET รองรับ .NET Standard 2.0 (.NET Core 2.0) จึงสามารถนำไปใช้ในแอปพลิเคชันหลักที่รันในระบบปฏิบัติการที่เหมือน Linux ได้ เรากำลังทำงานอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงการสนับสนุน .NET Core ใน API ของเรา อย่างไรก็ตามมีบางการดำเนินการที่เราขอแนะนำให้ลูกค้าของเราใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในขณะที่ใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Documentize สำหรับ .NET กรุณาติดตั้ง:

• แพ็คเกจ libgdiplus
• แพ็คเกจที่มีฟอนต์ที่เข้ากันได้กับ Microsoft: ttf-mscorefonts-installer (เช่น, sudo apt-get install ttf-mscorefonts-installer). ฟอนต์เหล่านี้ควรจะถูกวางในไดเรกทอรี /usr/share/fonts/truetype/msttcorefonts เนื่องจาก Documentize สำหรับ .NET จะทำการสแกนโฟลเดอร์นี้ในระบบปฏิบัติการที่เหมือน Linux ในกรณีที่ระบบปฏิบัติการมีโฟลเดอร์/ไดเรกทอรีเริ่มต้นอื่นสำหรับฟอนต์ คุณควรใช้บรรทัดโค้ดต่อไปนี้ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ โดยใช้ Documentize:

  Documentize.Pdf.Text.FontRepository.Sources.Add(new FolderFontSource("<user's path to ms fonts>"));

v24.12

เพิ่มปลั๊กอินใหม่: ตัวแปลง PDF เป็น PNG

• Class PngConverter: แทนที่ปลั๊กอิน Documentize.PngConverter ใช้เพื่อแปลงเอกสาร PDF เป็นรูปแบบ PNG
• Class PdfToPngOptions: แทนที่ตัวเลือกตัวแปลง PDF เป็น PNG สำหรับปลั๊กอิน Documentize.PngConverter

การใช้งานตัวอย่าง:

// สร้าง PngConverter
var plugin = new PngConverter();
// สร้างอ็อบเจกต์ PdfToPngOptions เพื่อตั้งค่าคำแนะนำ
var opt = new PdfToPngOptions();
// เพิ่มเส้นทางไฟล์นำเข้า
opt.AddInput(new FileDataSource("path_to_your_pdf_file.pdf"));
// กำหนดเส้นทางไฟล์ผลลัพธ์
opt.AddOutput(new DirectoryDataSource("path_to_results_directory"));
// ดำเนินการประมวลผล
plugin.Process(opt);

เพิ่มปลั๊กอินใหม่: ตัวแปลง PDF เป็น TIFF

• Class TiffConverter: แทนที่ปลั๊กอิน Documentize.TiffConverter ใช้เพื่อแปลงเอกสาร PDF เป็นรูปแบบ TIFF
• Class PdfToTiffOptions: แทนที่ตัวเลือกตัวแปลง PDF เป็น TIFF สำหรับปลั๊กอิน Documentize.TiffConverter

การใช้งานตัวอย่าง:

// สร้าง TiffConverter
var plugin = new TiffConverter();
// สร้างอ็อบเจกต์ PdfToTiffOptions เพื่อตั้งค่าคำแนะนำ
var opt = new PdfToTiffOptions();
// เพิ่มเส้นทางไฟล์นำเข้า
opt.AddInput(new FileDataSource("path_to_your_pdf_file.pdf"));
// กำหนดเส้นทางไฟล์ผลลัพธ์
opt.AddOutput(new DirectoryDataSource("path_to_results_directory"));
// ดำเนินการประมวลผล
plugin.Process(opt);

เพิ่มปลั๊กอินใหม่: ตัวสร้างตาราง PDF

• Class TableGenerator: แทนที่ปลั๊กอิน Documentize.TableGenerator ใช้เพื่อเพิ่มตารางในเอกสาร PDF
• Class TableBuilder: คลาสแทนที่ตัวสร้างสำหรับตารางในหน้า pdf
• Class TableRowBuilder: คลาสแทนที่ตัวสร้างสำหรับแถวตาราง
• Class TableCellBuilder: คลาสแทนที่ตัวสร้างสำหรับเซลล์ตาราง

การใช้งานตัวอย่าง:

// สร้าง TableGenerator
var plugin = new TableGenerator();
// สร้างอ็อบเจกต์ TableOptions เพื่อตั้งค่าคำแนะนำ
TableOptions opt = new TableOptions().InsertPageBefore(1)
   .AddTable()
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("ชื่อ")
            .AddCell().AddParagraph("อายุ")
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("Bob")
            .AddCell().AddParagraph("12")
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("Sam")
            .AddCell().AddParagraph("20")
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("Sandy")
            .AddCell().AddParagraph("26")
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("Tom")
            .AddCell().AddParagraph("12")
        .AddRow()
            .AddCell().AddParagraph("Jim")
            .AddCell().AddParagraph("27");
// เพิ่มเส้นทางไฟล์นำเข้า
opt.AddInput(new FileDataSource("path_to_your_pdf_file.pdf"));
// กำหนดเส้นทางไฟล์ผลลัพธ์
opt.AddOutput(new FileDataSource("path_to_the_converted_file.pdf"));
// ดำเนินการประมวลผล
plugin.Process(opt);

เปลี่ยนชื่อ Class PdfDoc เป็น DocConverter

• Class DocConverter: แทนที่ปลั๊กอิน Documentize.DocConverter ใช้เพื่อแปลงเอกสาร PDF เป็นรูปแบบ DOC/DOCX

การใช้งานตัวอย่าง:

// สร้าง DocConverter
var plugin = new DocConverter();
// สร้างอ็อบเจกต์ PdfToDocOptions เพื่อตั้งค่าคำแนะนำ
var opt = new PdfToDocOptions();
// เพิ่มเส้นทางไฟล์นำเข้า
opt.AddInput(new FileDataSource(inputPath));
// กำหนดเส้นทางไฟล์ผลลัพธ์
opt.AddOutput(new FileDataSource(outputPath));
// ดำเนินการประมวลผล
plugin.Process(opt);

v24.11

เพิ่มปลั๊กอินใหม่: PDF เป็น JPEG Converter

• วัตถุประสงค์: คลาส JpegConverter ถูกออกแบบมาเพื่อแปลงเอกสาร PDF เป็นฟอร์แมต JPEG ทำให้ผู้ใช้จัดการและแชร์ภาพที่ได้จาก PDF ได้ง่ายขึ้น
• คอนสตรัคเตอร์:
  • JpegConverter(): เริ่มการทำงานของอิมพอร์ต JPEG ใหม่

ตัวอย่างการใช้งาน:

var plugin = new JpegConverter();
var opt = new PdfToJpegOptions();
opt.AddInput(new FileDataSource("path_to_your_pdf_file.pdf"));
opt.AddOutput(new DirectoryDataSource("path_to_results_directory"));
plugin.Process(opt);

• เมธอด:
  • Process(PdfToJpegOptions options): เริ่มกระบวนการแปลง JPEG โดยใช้ตัวเลือกที่ระบุ

เพิ่มคลาส DirectoryDataSource

• วัตถุประสงค์: คลาส DirectoryDataSource ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการข้อมูลไดเรกทอรีสำหรับการโหลดและบันทึกในปลั๊กอิน
• คอนสตรัคเตอร์:
  • DirectoryDataSource(string path): เริ่มการทำงานของอ็อบเจ็กต์ข้อมูลไดเรกทอรีใหม่ด้วยเส้นทางที่ระบุ

ตัวอย่างการใช้งาน:

var directorySource = new DirectoryDataSource("path_to_your_directory");

• คุณสมบัติ:
  • DataType: ดึงประเภทของแหล่งข้อมูล
  • Path: รับเส้นทางของไดเรกทอรีข้อมูลปัจจุบัน

เพิ่มคลาส PdfToJpegOptions

• วัตถุประสงค์: คลาสนี้มีตัวเลือกสำหรับการกำหนดค่ากระบวนการแปลง JPEG ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุความละเอียด รายการหน้า และคุณภาพของภาพ
• คอนสตรัคเตอร์:
  • PdfToJpegOptions(): เริ่มอิมพอร์ตตัวเลือกใหม่สำหรับตัวแปลง JPEG

คุณสมบัติ:

• OutputResolution: กำหนดความละเอียดของภาพ JPEG ที่ได้
• PageList: รายการหน้าที่จะแปลงจาก PDF
• Quality: ตั้งค่าคุณภาพของเอาต์พุต JPEG

v24.10

เพิ่มปลั๊กอินใหม่: PDF/A Converter

• มีการแนะนำฟีเจอร์การแปลง PDF/A ใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไฟล์ PDF มาตรฐานเป็นเอกสารที่ปฏิบัติตาม PDF/A ได้อย่างง่ายดาย

การใช้งานตัวอย่าง:

var options = new PdfAConvertOptions
{
    PdfAVersion = PdfAStandardVersion.PDF_A_3B
};

options.AddInput(new FileDataSource("path_to_your_pdf_file.pdf"));
options.AddOutput(new FileDataSource("path_to_the_converted_file.pdf"));

var plugin = new PdfAConverter();
plugin.Process(options);

แก้ไขบั๊ก

• แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคลาส FileResult ซึ่งส่งผลให้เส้นทางผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง
• แก้ไขบั๊กเล็กน้อยที่ส่งผลกระทบต่อ HtmlConverter เมื่อจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่

การปรับปรุง

• ปรับปรุงประสิทธิภาพของ PdfExtractor และ ImageExtractor เพื่อเวลาในการประมวลผลที่เร็วขึ้น
• อัปเดตคลาส RotateOptions เพื่อรองรับมุมการหมุนเพิ่มเติม

v24.9

เผยแพร่